เช็คเกรดของสแตนเลส การตรวจสอบมาตรฐานและคุณสมบัติ

สแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่มีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในงานก่อสร้าง การผลิตเครื่องจักร การผลิตอาหาร และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการวัสดุที่มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนและการใช้งานหนัก การตรวจสอบเกรดของสแตนเลสจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภท บทความนี้จะพูดถึงวิธีการตรวจสอบเกรดของสแตนเลสและการยืนยันมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับวัสดุนี้


เกรดของสแตนเลส: ทำไมถึงสำคัญ ?

สแตนเลสมีหลายเกรดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและการผลิตที่ใช้ ซึ่งแต่ละเกรดจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะมีการแบ่งเกรดตามการใช้งานที่ต้องการความต้านทานการกัดกร่อน ความแข็งแรง และความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเกรดตามการแปรรูปผิวและการใช้งานในสภาวะที่เฉพาะเจาะจง

เกรดที่นิยมของสแตนเลส

1. เกรด 304
คุณสมบัติ เกรด 304 เป็นสแตนเลสที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีความต้านทานการกัดกร่อนได้ดีในสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องใช้ในครัว และการตกแต่งภายในอาคาร เนื่องจากความทนทานต่อการกัดกร่อนและการขัดเงาง่าย
การใช้งาน เหมาะสำหรับงานทั่วไป เช่น ราวบันได เครื่องมือในครัว หรืออุปกรณ์ในอุตสาหกรรมอาหาร

2. เกรด 316
คุณสมบัติ เกรด 316 มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูงกว่าเกรด 304 โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มหรือสารเคมี ใช้สำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูงในสภาพแวดล้อมที่มีกรดหรือสารเคมี
การใช้งาน ใช้ในงานอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมทางทะเล อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องมือในอุตสาหกรรมที่มีสารเคมี

3. เกรด 430
คุณสมบัติ เกรด 430 เป็นสแตนเลสที่มีราคาถูกกว่าเกรด 304 และ 316 แต่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนต่ำกว่า ใช้สำหรับงานที่ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือสภาวะที่มีการกัดกร่อนสูง
การใช้งาน เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ หรือวัสดุตกแต่งที่ไม่ต้องการการต้านทานการกัดกร่อนสูง

การตรวจสอบเกรดของสแตนเลส

การตรวจสอบเกรดของสแตนเลสสามารถทำได้หลายวิธี เพื่อให้มั่นใจว่าเกรดที่ใช้ตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการ

1. การตรวจสอบทางเคมี
การตรวจสอบด้วยวิธีทางเคมีมักจะใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การทดสอบด้วย X-ray Fluorescence (XRF) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถตรวจวัดองค์ประกอบทางเคมีของวัสดุ โดยไม่ต้องทำลายวัสดุ การทดสอบด้วย XRF สามารถระบุได้ว่าโลหะนั้นมีส่วนผสมของธาตุต่างๆ อย่างเช่น โครเมียม (Cr), นิกเกิล (Ni), และมอลิบดีนัม (Mo) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการระบุเกรดของสแตนเลส

2. การทดสอบด้วยการสัมผัสกรด
การทดสอบนี้ใช้กรดชนิดต่างๆ เช่น กรดไนตริก เพื่อทดสอบความต้านทานการกัดกร่อนของสแตนเลส เมื่อสัมผัสกับกรดบางชนิด สแตนเลสเกรดที่มีปริมาณโครเมียมสูงจะมีความทนทานต่อกรดมากกว่า

3. การทดสอบทางกายภาพ
นอกจากการทดสอบทางเคมีแล้ว ยังมีการทดสอบทางกายภาพ เช่น การทดสอบความแข็ง (Hardness Test) ซึ่งช่วยให้ทราบถึงความแข็งแรงของสแตนเลส วิธีการนี้อาจใช้เครื่องมือที่วัดความแข็งเช่น Rockwell หรือ Brinell ที่ช่วยให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถรับแรงกดได้ดีหรือไม่

4. การตรวจสอบด้วย X-ray Diffraction (XRD)
การตรวจสอบด้วยเทคนิค X-ray Diffraction (XRD) สามารถช่วยในการระบุองค์ประกอบและโครงสร้างผลึกของโลหะ ซึ่งช่วยในการยืนยันชนิดของสแตนเลสและการตรวจสอบว่าเป็นไปตามเกรดที่ระบุไว้หรือไม่

มาตรฐานการผลิตและการรับรอง

การผลิตสแตนเลสจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานต่างๆ ที่รับรองคุณภาพของวัสดุ เช่น:

ISO 9001 มาตรฐานการควบคุมคุณภาพในการผลิต ซึ่งระบุว่าองค์กรต้องมีระบบการควบคุมคุณภาพที่สามารถรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์สแตนเลส
-ASTM A240 มาตรฐานที่ใช้สำหรับการผลิตแผ่นสแตนเลสในอุตสาหกรรมทั่วไป
-EN 10088 มาตรฐานยุโรปที่เกี่ยวข้องกับสแตนเลส ซึ่งระบุข้อกำหนดด้านคุณภาพและคุณสมบัติของสแตนเลสในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรม
-JIS G4305 มาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่นสำหรับสแตนเลสที่ใช้ในงานต่างๆ